1. ‘นมแม่’ พัฒนาสมองลูกอย่างไร?

    AvatarBy Thang Hit Sangklaw il 3 June 2018
     
    0 Comments   17 Views
    .
    newscms_thaihealth_c_fghimpsyz347

    ว่ากันด้วยประเด็นการไปถึงเป้าหมายในชีวิต ซึ่งมีหลายๆต้นเหตุไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม ความบากบั่น ความทรหดอดทน การมีแรงผลักดัน ความจริงจัง ความชำนิชำนาญในสิ่งนั้นๆอื่นๆอีกมากมาย หรือสิ่งใดๆก็ตาม แต่ว่ารู้ไหมขาว่าจุดแรกเริ่มที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการประสบความสำเร็จในชีวิตของผู้คนเป็น“นมแม่”

    นมแม่กับการพัฒนาสมองลูกรัก

    พญ.ศรีพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่ที่เมืองไทย ชี้แจงเรื่องนมแม่กับการพัฒนาสมองลูกไว้;ว่า นมแม่เป็นของกินเริ่มต้นที่แม่สร้างไว้ให้ลูก จุดกำเนิดที่จะทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปถึงเป้าหมายได้เป็น “วางลูกไว้บนอกแม่ครึ่งชั่วโมงข้างหลังคลอด” ซึ่งถือว่าเป็นชั่วโมงที่สำคัญสุด นอกเหนือจากนี้เมื่อตาของลูกกับแม่ผสานกัน มีการสวมกอด ลูกได้ดูดนมแม่ ได้ยินเสียงหัวใจของแม่หรือ ความสัมพันธ์จากการโอบกอดแนบเนื้อ (Skin to Skin Contact) ได้ผลิตขึ้นเป็นสายสัมพันธ์ที่ความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นกำเนิดโน่นเป็น สื่อสโมสรที่ไปกระตุ้นสมอของลูก ที่เป็นสิแนปส์ (synapse) ซึ่งเสมอเหมือนเป็นแขนขาเชื่อมเซลล์ประสาทนับพันล้านเซลล์ โดยด้านในขวบปีแรกเซลล์สมองจะเติบโตถึง 90% ด้วยเหตุนี้การศึกษาในวัยนี้ ไม่ว่าจะทำความเข้าใจจากสายตาของแม่รวมทั้งลูก การโอบกอด การรอแม่ อื่นๆอีกมากมาย สิ่งกลุ่มนี้เป็นการกระตุ้นสมองให้ศึกษา เมื่อลูกได้ศึกษาการแสดงออกทางการกระทำที่นานัปการ จะยิ่งไปกระตุ้นเซลล์สมองให้ดำเนินการอย่างมีคุณภาพ

    ข้อมูลที่ได้รับมาจากมูลนิธิศูนย์นมแม่ที่เมืองไทย ยิ่งซ้ำเติมถึงประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากนมแม่ในการพัฒนาสมองของลูกน้อยไว้ว่า การสัมผัสสวมกอดลูกช่วยกระตุ้นเส้นใยประสาท ทำให้มีการแตกกิ่งของโยงใยประสาทในสมองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังการ เสวนากับลูก มีการติดต่อสื่อสารทางสายตาระหว่างแม่-ลูก แล้วก็สารอาหาร ดังเช่น DHA ในนมแม่ล้วนมีผลต่อระดับเชาว์สติปัญญาในเด็กที่รับประทานนมแม่ จะมองเห็นได้จากผลของการวิจัยของ Lucas A รวมทั้งแผนก (1992) พบว่า จำนวนนมแม่ที่ให้กับเด็กแรกคลอดส่งผลโดยตรงต่อคะแนนเชาว์สติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าคะแนนทางด้านการพูด (verbal scale) สูงขึ้นมากยิ่งกว่าเด็กอ่อนที่มิได้รับนมแม่ถึง 9 จุด โน่นเป็น ยิ่งให้นมแม่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้นเรื่อยๆเท่าไร ก็จะทำให้สมองปรับปรุงมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย นอกเหนือจากนี้ นมแม่ยังส่งผลต่อความฉลาดทางอารมณ์ด้วย จากผลของการวิจัยเพื่อศึกษาเล่าเรียนความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่โดย ดร.วีณา จีระหมอ และก็ภาควิชา พบว่า เด็กกรุ๊ปที่เลี้ยงด้วยนมแม่สิ่งเดียวนาน 6 เดือน มีคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์โดยรวมแล้วก็รายด้าน (ด้านดี เก่ง และก็สุข) สูงยิ่งกว่าคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กกรุ๊ปที่เลี้ยงด้วยนมแม่ร่วมกับนมผสม รวมทั้งของกรุ๊ปเด็กที่เลี้ยงด้วยนมผสมร่วมกับอาหารเสริมอื่นๆแล้วก็ยังพบว่าช่วงเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สิ่งเดียวนาน 6 เดือน มีคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์โดยรวมสูงขึ้นยิ่งกว่าของกรุ๊ปที่ได้นมแม่สิ่งเดียว 4 เดือน และก็ 1 เดือน

    เพราะฉะนั้นเมื่อลูกได้รับประทานนมแม่ล้วนตั้งแต่ทีแรกกำเนิดจนกระทั่ง 6 เดือน แล้วก็รับประทานนมแม่พร้อมกันอาหารตามวัยไปจนกระทั่ง 2 ปีนั้น ทำให้เห็นว่านี่เป็น จุดกำเนิดของการพัฒนาความฉลาดปราดเปรื่องทางสมองและก็ทางอารมณ์ เมื่อความถนัดสำหรับการบริหารของสมองด้านหน้า Executive Functions (EF) ที่ควบคุมความนึกคิด การรู้สึก ความประพฤติให้ไปสู่วัตถุประสงค์ได้ถูกปรับปรุง ช่องทางที่เด็กเติบโตมาอย่างเป็นผู้ที่มีคุณภาพนั้นพูดได้ว่า 100 % อย่างยิ่งจริงๆ



    รู้จัก Executive Functions (EF) หรือความชำนาญสำหรับในการบริหารของสมองข้างหน้า

    สมองข้างหน้าเป็นส่วนที่ควบคุมความนึกคิด ความรู้สึก ความประพฤติที่ไปสู่วัตถุประสงค์ โดยเป็นความสามารถที่มนุษย์ทุกคนมีโดยกำเนิด แล้วก็จะต้องได้รับการฝึกหัดอย่างสม่ำเสมอกระทั่งกำเนิดเป็นความสามารถและก็ความรู้ความเข้าใจ ซึ่งปรับปรุงเป็นอย่างมากในช่วงอายุ 3-6 ปี วงจรประสาทจะเชื่อมโยงกับสมองส่วนอื่นแล้วก็เบาๆรวมกัน จนถึงมีคุณภาพในช่วงอายุ 25-30 ปี แล้วก็ก่อให้เกิดวิธีการคิดที่จะนำมาซึ่งการบรรลุผลในชีวิต

    กรุ๊ปความถนัด EF ที่สำคัญมีทั้งสิ้น 9 ด้าน

    1.ความสามารถความจำที่ประยุกต์ใช้งาน (Working Memory) เป็นความชำนาญจำหรือเก็บข้อมูลจากประสบการณ์ก่อนหน้าที่ผ่านมา แล้วก็ดึงมาใช้ประโยชน์ตามเหตุการณ์ที่เผชิญ เด็กที่ความสามารถนี้ดี ความฉลาดทางสติปัญญาก็จะดีด้วย

    2.ความถนัดการควบคุมอารมณ์-คิดตริตรอง (Inhibitory Control) เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการควบคุมความอยากได้ของตนให้อยู่ในระดับที่พอดี

    3.ความชำนาญการยืดหยุ่นความนึกคิด (Shift Cognitive Flexibility) เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับการยืดหยุ่นหรือเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ไม่ยึดแน่นอน

    4.ความชำนาญการให้ความสนใจใส่ใจ (Focus) เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับในการเอาใจใส่สนใจ มุ่งความพอใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่าง สม่ำเสมอในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

    5.การควบคุมอารมณ์ (Emotion Control)เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับการควบคุมแสดงออกทางอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่พอดี เด็กที่ข่มอารมณ์ตนเอง มิได้ มักเป็นคนโกรธเกรี้ยว โกรธ รวมทั้งอาจมีอาการเศร้าหมอง

    6.การประมาณตนเอง (Self-Monitoring) เป็นการสะท้อน ตริตรองพฤติกรรมของตน รู้จักตัวเอง สามารถประเมินเพื่อหาข้อผิดพลาดตนเองได้

    7.การเริ่มแล้วก็ลงมือกระทำ (Initiating)หมายถึงความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเริ่มและก็ลงมือกระทำดังที่คิด ไม่กลัวความผิดพลาด ไม่ผลัดวันไปเรื่อยๆ

    8.การวางเป้าหมายและก็การจัดระบบปฏิบัติงาน (Planning and Organizing) เป็นความสามารถการทำงาน ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย การวางเป้าหมาย การมองเห็นภาพรวม ซึ่งเด็กที่ไม่มีทักษะนี้จะคิดแผนไม่เป็น ทำให้งานมีปัญหา

    9.การมุ่งวัตถุประสงค์ (Goal-Directed Persistence)เป็นความขยันหมั่นเพียรมุ่งสู่วัตถุประสงค์ เมื่อตั้งอกตั้งใจและก็ลงมือกระทำสิ่งใดแล้ว ก็มีความตั้งใจทรหดอดทน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ก็พร้อมต่อสู้ให้เสร็จ

    สำหรับเด็กที่มีความสามารถสมองด้านหน้าอ่อนแอ มีทิศทางทำให้เรียนไม่จบ ดูดบุหรี่ ท้องโดยไม่เจตนา ติดยาเสพติด รวมทั้งก่ออาชญากรรม ดังนี้ ระดับของความชำนาญการดูแลตัวเอง หรือความสามารถเชิงบริหารนั้น มีส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กบรรลุผลสำเร็จ หรือล้มเหลวในหลายๆด้าน อีกทั้งความถนัดด้านสังคม การปฏิสัมพันธ์ เกรด แล้วก็สุขภาพ

    สรุปโดยรวมแล้ว EF เกี่ยวพันกับการบรรลุเป้าหมายเช่นไร รศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาซื่อสัตย์ภักดีกุล ผู้ชำนาญด้านประสาทวิทยา ศูนย์ศึกษาค้นคว้าประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจงว่า มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยมากไม่น้อยเลยทีเดียวบอกว่าเด็กที่มี EF ดี จะมีความพร้อมเพรียงทางการเรียนมากยิ่งกว่าเด็กที่ EF ไม่ดี แล้วก็ประสบผลสำเร็จได้สำหรับในการเรียนทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ไปถึงมหาวิทยาลัย จนตราบเท่า สำหรับเพื่อการปฏิบัติงาน เด็กที่หยุดได้ ใคร่ครวญเป็น ไม่ใจร้อน มีเป้าหมาย รวมทั้งเอาอย่างจุดมุ่งหมายให้เสร็จ นี่แหละจะก่อให้เขาไปถึงเป้าหมายเมื่อโตขึ้น

    “มนุษย์เรามิได้เกิดขึ้นมาพร้อมความชำนาญ EF แต่ว่าพวกเราเกิดขึ้นมาพร้อมสมรรถนะที่จะปรับปรุงความถนัดกลุ่มนี้ได้ ผ่านการฝึกหัดและก็ปรับปรุงโดยตลอด” รศ.ดร.นวลจันทร์ กล่าว

    เมื่อ ‘นมแม่’ เป็นจุดกำเนิดของการถักสมาคมแม่ลูก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการกระตุ้นเซลล์สมองนับล้านเซลล์ ทำให้เอามาสู่แนวทางการปรับปรุงความสามารถสมองหน้า ซึ่งจะปรับปรุงไปคู่กับความเจริญตามวัยของเด็ก รวมทั้งเอามาสู่การผลิตเด็กที่มีคุณภาพในสังคม ทำให้พวกเราย้อนกลับมามองดูทางสร้างคนแล้วล่ะจ้ะว่า เพียงแต่แม่คนหนึ่งเอาจริงเอาจังตั้งอกตั้งใจให้นมแม่กับลูกก็สามารถนำมาซึ่งพลเมืองประสิทธิภาพของเมืองไทยได้นับล้านๆคน ย่อมเกิดเรื่องที่แม่ทุกคนควรจะเกื้อหนุนเป็นอย่างมาก UFABET
      Share  
     
    .